วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

นวัตกรรมใหม่ เครื่องบินโซลาร์เซลล์



เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดได้ลงจอดที่เมืองเซบิย่า ประเทศสเปนแล้วหลังจากบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกว่า 70. ชั่วโมง จ่อสร้างประวัติศาสตร์บินรอบโลกครบรอบในเร็วๆนี้หลังจากเริ่มออกเดินทางจากนครอาบูดาบี

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

สรุปรายงาน

    
                   
                                                       สรุปรายงาน

  การประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด หรือเอ็มพีอาร์ หมายถึง ขั้นตอนการวางแผนการปฏิบัติดำเนินงานและการประเมินผลในกระบวนการกระตุ้นให้เกิดการซื้อและความพึงพอใจโดยอาศัยการให้ข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือ ผ่านรูปแบบการนำเสนอเกี่ยวกับสินค้าและองค์กร เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและต้องการซื้อสินค้าในที่สุด นักกลยุทธ์ไอเอ็มซีบางท่านก็เรียกเอ็มพีอาร์ว่า การเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับตราสินค้า (Brand Publicity) ซึ่งจะเห็นได้ว่าทิศทางของการทำประชาสัมพันธ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะเป็นการทำประชาสัมพันธ์องค์กร (Corporate Public Relations : CPRที่เน้นความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานกับกลุ่มเป้าหมายแต่ในปัจจุบันนักกลยุทธ์ไอเอ็มซีหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด (Marketing Public Relations : MPRซึ่งเป็นการนำความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดกับการประชาสัมพันธ์มาผสมผสานกัน



6 W และ 1เทคนิค 7 ประการสำหรับการวิเคราะห์ลูกค้า
    6W1คือ เครื่องมือสำหรับกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการตลาด ประกอบไปด้วย
1. Who - ใครคือลูกค้าของคุณ
2. What - อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
3. Where - ลูกค้าคุณอยู่ที่ไหน?
4. When - สินค้าของคุณจะถูกใช้งานเมื่อไหร่
5. Why -ทำไมเขาต้องซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ?
6. Whom -ใครบ้างที่มีอิทธิพลในการซื้อสินค้าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง?

7. How -เขาจะใช้สินค้าหรือบริการของคุณอย่างไรA
        เทคนิค 7 ประการสำหรับการวิเคราะห์ลูกค้าก็จะสามารถทำให้คุณ ๆ ขายสินค้าได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้า SME หรือ กลุ่มสินค้าธุรกิจใหญ่ ๆ ก็จะมีวิธีการหรือเทคนิคในการวิเคราะห์ลูกค้าไม่ต่างกันเลยเพียงแต่ต้องมองให้ออกว่า 6และ 1มีอะไรกันบ้างเท่านั้นเอง

กลยุทธ์การตลาด 8P
กลยุทธ์การตลาด 8P  ที่ได้กล่าวมานี้เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่
นักธุรกิจส่วนใหญ่ นำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการทำการตลาด โดยอาจแตกต่างตรงที่บางบริษัทประสบความสำเร็จ แต่บางบริษัทกลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะบริษัทที่ล้มเหลวไม่อาจสร้างองค์ประกอบทางกลยุทธ์ 8ได้ครบตามวงจร ดังนั้นผู้ประกอบการที่สนใจจะใช้กลยุทธ์ 8นี้ทำการตลาดให้ได้ผล ต้องเอาใจใส่ทุกรายละเอียดของกลยุทธ์แต่ละข้อ เพื่อสร้างสรรค์ตัว ทั้งแปดให้เกิดขึ้นมาให้ได้

การสร้างพันธมิตร
- เพื่อขยายตลาดและเพิ่มฐานลูกค้า 
- เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน
 - เพื่อสร้างน้ำหนักในการต่อรอง
- เพื่อตามคู่แข่งให้ทัน
- เลือกสรรเพื่อนร่วมธุรกิจ ผู้ที่คิดจะรวมกลุ่มพันธมิตรจำเป็นต้องศึกษากันและกัน
 - วิเคราะห์และประเมินความเหมาะสมในการรวมกลุ่มธุรกิจ
 - รับฟังความคิดเห็นและความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- กำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์แผนธุรกิจให้เหมาะสมและเสมอภาคระหว่างพันธมิตรด้วยกันเองน
- สัญญาที่เป็นผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้พันธมิตรปฎิบัติตาม
         พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance) 
ข้อตกลงระหว่างธุรกิจ โดยปกติจะทำเพื่อการลดต้นทุน และการปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ความร่วมมือมักจะอยู่ในรูปของข้อตกลงแบบเดี่ยว (Single agreement) ที่มีการแบ่งปันทั้งโอกาสและความเสี่ยงเท่าๆ กันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งที่เหมือนและแตกต่างกันไป
         พันธมิตรทางธุรกิจแบงได้ 3 ประเภท
- พันธมิตรแบบเซ็นสัญญา (Contractual Agreement)
- พันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกัน (Minority Equity Agreement)
- พันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint Venture)

1. พันธมิตร (Alliances) เป็นความร่วมมือในรูปแบบของพันธมิตรระหว่าง 2 บริษัท โดยทั้งสอง
บริษัทยังคงเป็นอิสระต่อกัน โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัทขึ้นอยู่กับขอบเขตความร่วมมือในการ
ดำเนินธุรกิจร่วมกัน
2. การลงทุนร่วมกัน (Joint Ventures) รูปแบบของความร่วมมือประเภทนี้จะมีการตั้งองค์การ
ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของหุ้นส่วน
3. เครือข่าย (Networks) เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจที่มีความร่วมมือหลาย
บริษัทในเรื่องของเทคโนโลยีในการดำเนินงานและระบบสารสนเทศ โดยรูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าว
ทำให้เกิดการแบ่งกันการใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานร่วมกัน



        คือ การกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ใช่สร้างแค่การรับรู้ การจดจำหรือการยอมรับเท่านั้นดังนั้น IMC จึงเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อจูงใจในระยะยาวและต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือหลายรูปแบบ เช่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตลาดตรง การส่งเสริมการขาย การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า การตลาดเน้นกิจกรรม Call Center และอีเมล์ ฯลฯ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการโดยวางแผนภายใต้ แนวความคิดเดียว แต่ใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 


Outsource
                  คือการที่องค์กรมอบหมายงานบางส่วนของตนให้กับบุคคลหรือองค์กรภายนอกมาดำเนินการแทนโดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดและควบคุมกำกับทุกส่วนตั้งแต่นโยบายไปจนถึงการปฏิบัติงานในทุกๆขั้นตอนของผู้รับจ้าง การไปทำสัญญาต่อสำหรับกระบวนการทำงาน เช่น การออกสินค้า หรือการผลิตสินค้า เป็นต้น กับกิจการอื่น ซึ่งการตัดสินใจที่จะมอบหมายภารกิจขององค์กรให้ผู้อื่นดำเนินการแทนจะเกิด ขึ้น เมื่อองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ไม่พร้อมที่จะใช้ทรัพยากรภายในที่มีอยู่ทำงานนั้นด้วยตนเอง การจ้างให้คนอื่นทำงานแทนมักจะมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่
1.เพื่อประหยัดต้นทุน
2. ช่วยให้องค์กรสามารถเน้นกิจกรรมไปยังธุรกิจหลัก
3. สร้างองค์ความรู้ให้แก่องค์กรมากขึ้น
4. การปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
5. ได้รับบริการจากผู้ที่มีความชำนาญในการดำเนินงาน
6. ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
7. เป็นตัวกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลง
8. สามารถใช้ประโยชน์จากเวลาที่ต่างกัน











วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

Outsource

‘Outsource คือ การไปทำสัญญาต่อสำหรับกระบวนการทำงาน เช่น การออกสินค้า หรือการผลิตสินค้า เป็นต้น กับกิจการอื่น ซึ่งการตัดสินใจที่จะมอบหมายภารกิจขององค์กรให้ผู้อื่นดำเนินการแทนจะเกิด ขึ้น เมื่อองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEไม่พร้อมที่จะใช้ทรัพยากรภายในที่มีอยู่ทำงานนั้นด้วยตนเอง การจ้างให้คนอื่นทำงานแทนมักจะมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่ 
1เพื่อประหยัดต้นทุน (Cost Savingsโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางด้านแรงงานที่มีความแตกต่างกันระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งช่วยปรับโครงสร้างต้นทุน (Cost Restructuringจากต้นทุนคงที่ไปยังต้นทุนผันแปรมากขึ้น และยังทำให้ต้นทุนผันแปรสามารถคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น
2ช่วยให้องค์กรสามารถเน้นกิจกรรมไปยังธุรกิจหลัก (Focus on Core Businessภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรที่มีอยู่ องค์กรสามารถมุ่งทำในสิ่งที่เป็นธุรกิจหลัก และมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้มากขึ้น
3สร้างองค์ความรู้ให้แก่องค์กรมากขึ้น (Knowledgeจากการเข้าหาประสบการณ์ ความรู้ และทรัพย์สินทางปัญญาจากแหล่งต่างๆ ได้กว้างขวางขึ้น
4การปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด (Contractsถ้าการปฎิบัติงานไม่เป็นไปตามสัญญา องค์กรสามารถปรับเป็นตัวเงิน และฟ้องร้องทางกฎหมายได้ ซึ่งอาจทำได้ยากในกระบวนการทำงานภายใน
5ได้รับบริการจากผู้ที่มีความชำนาญในการดำเนินงาน (Operational Expertiseซึ่งบางครั้งยากที่จะสร้างขึ้นมาได้เองในระยะเวลาอันสั้นภายในองค์กร โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
6ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ (Risk Managementที่ไม่ต้องรับภาระทั้งหมด ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด หรือช่วยในเรื่องของการบริหารกำลังการผลิต (Capacity Managementที่มักจะเกิดจากวัฎจักรธุรกิจที่มีช่วงขาขึ้นและขาลง
7เป็นตัวกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลง (Catalyst for Changeองค์กรสามารถใช้ข้อตกลงที่ทำกับผู้รับทำงานแทนเป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงานที่ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง
8สามารถใช้ประโยชน์จากเวลาที่ต่างกัน (Leveraging Time Zonesใน กรณีของผู้ที่รับทำงานแทนอยู่คนละประเทศ ซึ่งช่วยให้การทำงานสามารถทำได้ในระยะเวลานานขึ้น บางครั้งอาจนานตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพของทั้งการให้บริการ และการตลาด ที่จัดส่งของได้ทันตามความต้องการของลูกค้า

    การ Outsource คือการที่องค์กรมอบหมายงานบางส่วนของตนให้กับบุคคไลหรือองค์กรภายนอกมาดำเนินการแทน โดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดและควบคุมกำกับทุกส่วนตั้งแต่นโยบายไปจนถึงการปฏิบัติงานในทุกๆขั้นตอนของผู้รับจ้าง

ตัวอย่างการ Outsource
การบริการเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop Serviceเป็นการดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ Desktop เครื่อง Server และระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LANซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ใช้บริการด้านสารสนเทศของหน่วยงานนั้นๆจะต้องได้รับบริการจากส่วนงานที่ให้บริการขององค์กรนั้นๆ ขอบเขตของการบริการนี้ยังแบ่งเป็นหลายระดับ โดยเริ่มตั้งแต่การวางแผนระบบ Server , PC , LAN ของผู้ว่าจ้าง การดำเนินการติดตั้งทดสอบระบบงานต่างๆ การตอบปัญหาการใช้งานเครื่อง PC ในลักษณะการบริการ ณ จุดเดียว การดูแลบำรุงรักษาซ่อมแซมเมื่อเครื่องชำรุด ไปจนถึงการซึ่งอาจจะรวมถึงการจัดซื้อติดตั้ง และการเปลี่ยนเครื่องให้ทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานกับระบบใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งผู้ว่าจ้างสามารถเลือกระดับการให้บริการจากผู้ให้บริการตามความจำเป็นได้ ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้ลักษณะนี้ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัท ESSO เป็นต้น
การบริการเชื่อมต่อและจัดการเครือข่ายสื่อสาร (Network Management Networking & Connectivity Serviceเป็นการบริหาร จัดการให้องค์กรสามารถใช้งานเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างส่วนงานต่างๆขององค์กรหรือระหว่างองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ผู้รับจ้างจะทำหน้าที่บริหารระบบเครือข่ายการสื่อสารของผู้ว่าจ้างซึ่งอาจจะรวมถึงการจัดหา ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารต่างๆตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้บริการลักษณะนี้เช่น กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
การบริการศูนย์คอมพิวเตอร์ (Data Center Serviceเป็นการบริการที่ครอบคลุมการบริหารจัดการศูนย์คอมพิวเตอร์ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การบริการอาจครอบคลุมถึงการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ติดตั้ง รวมถึงการจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านการดำเนินการในศูนย์คอมพิวเตอร์มาดำเนินการบริหารศูนย์คอมพิวเตอร์แทนผู้ว่าจ้าง การดูแลระบบคอมพิวเตอร์โดยที่ระดับของคุณภาพของการให้บริการ (Service Levelจะถูกกำหนดโดยข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้ให้บริการและจะถูกควบคุมโดยผู้ว่าจ้าง หน่วยงานที่ใช้การบริการแบบนี้ เช่น กรมสรรพากร ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
 - การให้บริการด้านความต่อเนื่องการให้บริการ (Continuity Serviceเป็นการบริการเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ว่าจ้างในความต่อเนื่องของการใช้บริการขององค์กรนั้นๆว่าจะสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องได้มากที่สุด การบริการนี้อาจจะรวมถึงการออกแบบ ติดตั้ง บริหาร ศูนย์คอมพิวเตอร์สำรองขององค์กรนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการให้บริการในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง (Disasterของศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก การปรับปรุงเครื่องมือให้มีขนาดและความทันสมัยอยู่เสมอสามารถรองรับงานที่เพิ่มเติมได้ ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้บริการนี้ เช่น ธนาคารกสิกรไทย และสำนักงานประกันสังคม เป็นต้น
การให้บริการด้านศูนย์คอมพิวเตอร์ของ web (Web Hosting Serviceการบริการนี้เป็นการให้บริการที่สามารถครอบคลุมเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ดูแล ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ Web ซึ่งอาจจะรวมถึงการนำ WebServer ของผู้ว่าจ้างมาติดตั้งและดูแลการให้บริการด้าน Internet ขององค์กรนั้นๆ ผู้ให้บริการ Outsource ของบริการนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการด้าน Internet เดิมอยู่แล้ว
เหตุผลที่การ Outsource เริ่มมามีบทบาทในระบบสารสนเทศปัจจุบันมากขึ้นเนื่องจากองค์กรต่างๆเล็งเห็นประโยชน์ของการ Outsource ดังนี้
องค์กรนั้นๆลดภาระในการดูแลทรัพย์สินของระบบสารสนเทศ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ของระบบเครือข่ายสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถที่จะคำนวณถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
องค์กรสามารถลดภาระในการวางแผนทางด้านเทคโนโลยีโดยจะวางแผนเฉพาะด้านนโยบายและการบริการใหม่ๆที่ต้องการนำมาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันในตลาดเท่านั้นไม่จำเป็นต้องนำประเด็นของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมาเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณา
องค์กรที่มีปัญหาทางด้านการควบคุมค่าใช้จ่ายของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อาจเปลี่ยนแปลงมาใช้การ Outsource เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย อีกทั้งสัญญาการ Outsource ที่ดีจะทำให้ผู้ว่าจ้างมีความยืนหยุ่นในการขยายประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกัน
สามารถลดภาระในการพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีในการบริหารระบบสารสนเทศ กล่าวคือ สามารถลดปัญหาพื้นฐานความรู้ของพนักงานที่ไม่เข้าใจหรือไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆได้ทัน หรือพนักงานอาจมีภาระงานมากจนทำให้ไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีได้ทัน
ความต้องการให้พนักงานของตนไปทำงานอื่นที่มีประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าทำการดูแลบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ
ไม่สามารถว่าจ้างบุคลากรที่มีทักษะบางด้านเข้ามาทำงานได้ เนื่องจากเงื่อนไขการจ้างไม่ดึงดูดใจบุคลากรเหล่านั้น หรือไม่สามารถที่จะดึงดูดใจให้บุคลากรเล่านั้นทำงานอยู่กับองค์กรได้ในระยะยาว การ Outsource จะทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรในองค์กรเพิ่มขึ้นทำให้องค์มีขนาดที่เหมาะสมและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถกำหนดระดับของบริการ (Service Levelได้ เช่น ต้องการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเท่าใด ความผิดพลาดที่มีไม่ควรเกินอัตราหรือสัดส่วนเท่าใด การทำงานทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาคในทุกช่วงของเวลา เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความพึงพอใจกับการให้บริการของฝ่ายงานสารสนเทศต่อทั้งผู้ใช้ภายในและภายนอกองค์กร
ต้องการให้องค์กรมีการให้บริการทางด้านสารสนเทศเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วไป

ข้อดีของ Outsourcing
ช่วยลดต้นทุนขององค์กร งานด้าน IT หลายอย่างมีต้นทุน overhead cost เช่น ค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ค่าซอฟท์แวร์ ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าที่องค์กรจะลงทุน แต่บริษัทที่ทำธุรกิจ Outsourcing ได้ลงทุนในสิ่งเหล่านี้ไปแล้วเพื่อรองรับลูกค้าจำนวนหลายราย นอกจากนี้บริษัท Outsourcing หลายแห่งดำเนินการอยู่ในประเทศที่มีค่าแรงต่ำ เช่น อินเดีย ทำให้มีต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำกว่า
คุณภาพงานที่ดีกว่า บริษัท Outsourcing มักจะมี know – how ที่เกิดจากประสบการณ์ในการให้บริการกับลูกค้าหลายราย และมีบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางในด้าน IT ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพสูงกว่าการที่องค์กรจะทำเอง
ช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นเฉพาะงานที่เป็นหัวใจสำคัญ การ Outsource งานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญขององค์กรไปให้บริษัทอื่น นอกจากจะช่วยลดต้นทุนขององค์กรแล้ว ยังช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถลดภาระงานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญ เพื่อมุ่งเน้นและพัฒนา function ที่เป็นหัวใจหลักขององค์กรให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ความได้เปรียบ ที่เกิดจาก time zone ที่แตกต่างกัน เช่น การส่งข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาด NYSE หลังจากปิดตลาดแล้วไปยังบริษัท Outsourcing ในประเทศอีกซีกโลก เช่น อินเดีย เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลและจัดทำบทวิเคราะห์ข้อมูล ส่งกลับมาให้ผู้บริหารใน New York ในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ทันที
ข้อเสียของ Outsourcing
การเปิดเผยความลับขององค์กร การ Outsource งานบางประเภททำให้องค์กรจะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่างให้แก่บริษัท Outsourcing เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลโครงการในอนาคตของบริษัท หรือข้อมูลทางการเงินซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะหลุดไปถึงบริษัทคู่แข่งได้
ผลงานของบริษัท Outsourcing ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กรจะต้องมีการติดต่อประสานงาน (interfaceกับบริษัท Outsourcing อย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้งานเป็นไปตามที่ต้องการ แต่อาจมีความเสี่ยงที่ผลงานของบริษัท Outsourcing จะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ทำให้ต้องเสียเวลาในการแก้ไข ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่องานโดยรวมขององค์กรได้ และการที่องค์กรจะเปลี่ยนบริษัท Outsourcing เป็นบริษัทอื่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากมี switching cost ในการโอนถ่ายงานสูง 





ขั้นตอนในการดำเนินการ Outsource  
ขั้นตอนในเรื่องนี้แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน
1พิจารณาความจำเป็นและประเด็นในการร่วมมือ 
2สรรหาความร่วมดำเนินการที่มีศักยภาพ 
3สร้างความสัมพันธ์ในเชิงเป็นพันธมิตร 
4ประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน



หน้าที่ของRMU BI
   หน้าที่สำคัญของหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คือการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ุธุรกิจในนามชมรมพัฒนานักศึกษาเป็นผู้ประกอบการ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึก และกระตุ้นให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัย มีแนวคิดในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งได้ลงมือทำธุรกิจจริงโดยรูปแบบของ SEC จะมีการกำหนดประเด็นหลักของการจัดกิจกรรมเป็น 4. ประเด็นดังนี้
1.พัฒนา SEC ให้มีความเข้มแข็งมั่นคง
2.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของสมาชิก SEC ให้เป็นผู้นำและมีความรู้ทางธุรกิจ
3. ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
4.สร้างขวัญกำลังใจและสวัสดิการให้แก้สมาชิกSEC
 
SEC คือ สำ สำนักงานคณะกรรมการกำกเลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของบ้านเรา ใช้ ใช้คำย่อเดียวกับสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของประเทศอเมริกาที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นแหล่งระดมทุนและแหล่งลงทุนที่มีประสิทธิภาพของทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป โดยถูกจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ 2535


โครงสร้างองค์กร
    ชมรมพัฒนานักศึกษาเป็นผู้ประกอบการ จัดตั้งโดยการรับสมัครผู้แทนของคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จัดตั้งเป็นกลุ่มย่อยตามความถนัดของนักศึกษา ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 178 คนและมีที่ปรึกษาประจำชมรม คือ คณะทำงานของหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

  
ผู้ดูแล RMUBI
   นางกัญญภา. วงศ์ ปัสสา 

ผู้สนับสนุน 
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ)

ในประเทศไทย มีหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจทั้งหมด  176 ที่

ประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการเป้าหมาย
-อาหาร
-ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
-ซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์
-ยานยนต์
-วิทยาศาสตร์เพื่อสังคม
-ลอจิสดิกส์

RMUBI  มีบทบาทในมหาลัยดังนี้
1.สนับสนุนและพัฒนาให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่
2.สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ด้านวิสาหกิจชุมชน สำหรับนักศึกษา บัณทิต เป็นต้น
3ให้คำปรึกษา อำนวยความสะดวก และบริการแก่ผู้ประกอบการ


การสนับสนุนจากหน่วยบ่มเพาะ
  ส่งเสริมสนับสนุนงบประมาณ ในลักษณะให้ยืมคืนทุนโดยไม่คิดกำไร ในการดำเนินธุรกิจของสมาชิก SEC ทุนละไม่เกิน3000 บาท(หรือตามความเหมาะสมแต่ไม่เกิน 10000 บาท)โดยมีหลักเกณฑ์ในการกู้ยืมและคืนทุนดังนี้
 1.นักศึกษานำเสนอโครงการที่ ที่จะจัดทำขึ้นมาและนำส่งที่หน่วยงานบ่มเพราะวิสาหกิจ 
2. คัดเลือกผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองของ RMUBI เพื่อที่จะประเมิมเบื้องต้นถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ของธุรกิจ
3.ผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องจัดทำแผนธุรกิจเบื้องต้น ของตนเอง
4.อนุมัติเงินกู้ยืม
5.เริ่มต้นทำกิจการ
(โดยนักศึกษาสามารถขอคำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นได้จาก RMU BI)